ชัคตาร์เปลี่ยนอดีตสนามเหย้าเป็นที่หลบภัยชาวยูเครน
ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค เปลี่ยน อารีน่า ลวิฟ อดีตรังเหย้าของพวกเขาให้เป็นที่หลบภัย
โดยมันรองรับคนได้ราว 2,000-3,000 รายชัคตาร์ โดเน็ตส์ค สโมสรดังของประเทศยูเครน รับหน้าที่เปลี่ยน อารีน่า ลวิฟ อดีตสนามเหย้าของพวกเขาให้เป็นที่หลบภัยสำหรับผู้ลี้ภัยจากการบุกของกองทัพรัสเซียจนถึงปัจจุบัน รัสเซีย ยังคงเปิดฉากโจมตีหลายพื้นที่ในประเทศยูเครนอย่างต่อเนื่องจนทำให้ตึกรามบ้านช่องหลายแห่งได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ประชาชนชาวยูเครนหลายคนไม่มีที่อยู่ โดยเป็นที่เชื่อว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ลี้ภัยมากถึง 2.44 ล้านคนด้วยกัน
สำหรับอารีน่าลวิฟนั้นเคยเป็นบ้านของชัคตาร์ระหว่างปี 2014-2016 หลังจากที่มันเกิดความบาดหมางอย่างหนักระหว่างยูเครน กับ รัสเซียจนทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนไปใช้สนามแห่งนั้นเป็นรังเหย้าเป็นการชั่วคราวในช่วงดังกล่าวขณะที่ปัจจุบันพวกเขาไปเล่นที่ เอ็นเอสซี โอลิมปีย์สกี้ย์ส่วนารีน่าลวิฟกลายเป็นบ้านของเอฟซีลวิฟและรุคห์ลวิฟทั้งนี้อารีน่าลวิฟสามารถรองรับผู้ลี้ภัยได้ราว 2,000-3,000คนโดยมันเคยถูกใช้เป็นหนึ่งในสังเวียนของศึกยูโร 2012 มาแล้วซึ่งปัจจุบันกองทัพรัสเซียยังบุกไปไม่ถึงเมืองที่เป็นที่ตั้งของสนามดังกล่าวจนทำให้มันถูกมองว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในระดับหนึ่งสมาคมฟุตบอลยูเครน (ยูเอเอฟ)แถลงการณ์ตำหนิ อนาโตลี ตีโมชุคตำนานกองกลางของประเทศจากการที่เขายังไม่แสดงออกถึงการต่อต้านกับการที่รัสเซียส่งกองทัพเข้าเล่นงาน ยูเครนรวมถึงยังทำงานกับเซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทีมดังของแดนหมีขาวอยู่ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาสถานการณ์ระหว่างยูเครนบรัสเซีย ยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดหลังจากการสู้รบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยคนยูเครนหลายคนตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการรบในครั้งนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นทหารก็ตามซึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนในวงการฟุตบอลรวมอยู่ด้วย
จนถึงตอนนี้ ตีโมชุค ยังไม่ได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการต่อต้านสงครามในครั้งนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งมันก็ทำให้ชาวยูเครนหลายคนไม่พอใจกับท่าทีของเขามาพักใหญ่แล้ว จนกระทั่งล่าสุด ยูเอเอฟ ก็แถลงการณ์จวกอดีตแข้งวัย 42 ปีอย่างรุนแรงแถลงการณ์ของ ยูเอเอฟ ระบุว่า “นับตั้งแต่ที่กองทัพรัสเซียเริ่มบุกรุก ยูเครน นั้น ตีโมชุค เอเอ ซึ่งเป็นอดีตกัปตันทีมชาติยูเครน ไม่เคยแสดงออกในที่สาธารณะเกี่ยวกับประเด็นนี้เลย โดยที่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังไม่เลิกที่จะทำงานกับสโมสรของประเทศที่รุกรานบ้านเกิดของตัวเอง”
“ในขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค อดีตทีมของเขาแถลงการณ์รวมถึงแสดงออกถึงการสนับสนุน ยูเครน เอเอ ตีโมชุค กลับยังปิดปากเงียบและทำงานให้สโมสรที่รุกรานประเทศของตัวเอง การเลือกที่จะทำอย่างนี้มันเท่ากับว่า เอเอ ตีโมชุค ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลยูเครนเสื่อมเสีย รวมถึงเป็นการละเมิดกฎข้อ 1.4 วรรค 1 ส่วนที่ 4 ซึ่งว่าด้วยกฎด้านจริยธรรมและความเที่ยงธรรมของ ยูเอเอฟ”ทั้งนี้ ยูเอเอฟ ยังเรียกร้องให้มีการยกเลิกจำนวนนัดต่างๆ ที่ ตีโมชุค เคยลงเล่นให้ ยูเครน, ริบรางวัลและตำแหน่งพิเศษที่เจ้าตัวได้รับ รวมถึงริบเหรียญแชมป์รายการภายในประเทศทุกรายการด้วย ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังต้องการให้มีการยกเลิกใบอนุญาตการคุมทีม (โปร ไลเซนส์) ของ ตีโมชุค เช่นกัน หลังจากเขาได้รับใบอนุญาตที่ว่าจากสมัยที่ยังอยู่ใน ยูเครน อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดที่ว่านี้ต้องขึ้นกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าจะทำตามหรือไม่ ไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับ ยูเอเอฟ เป็นหลัก
สำหรับ ตีโมชุค นั้น เป็นคนที่ลงเล่นให้ ยูเครน มากที่สุดตลอดกาล ที่จำนวน 144 นัด รวมถึงเคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของชาติ ที่จำนวน 41 หน โดยสมัยที่ยังเป็นนักเตะเขาเคยเล่นให้ทั้ง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค, บาเยิร์น และ เซนิต ก่อนจะรับงานผู้ช่วยกุนซือของ เซนิต ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา
ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ accademiasax.com